หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Istanbul Terminal21 New year 2555

สวัสดีปีใหม่ 2555 ด้วยภาพสวยๆจากผลงานเด่นประจำปีของบริษัทพีระดล เดคคอร์


Istanbul Zone @ Terminal 21 Shopping Mall


ขอสิ่งศักดิ์ดลให้ทุกท่านเจริญในกิจการงาน ชีวิต ความสุข บุญบารมี นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป




Istanbul Terminal21 WaterColor

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ภาชี.....พาเพลิน....

BY : พขร...
                    jacky ว่าแต่วันอาทิตย์นี้นายว่างไหม ?(ประมาณเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา)
          ว่างครับ.....
     พอดีบอสก๊าบ...เขาชวนให้ไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน่ะคร้าบบบบบบบบ...
แหม ๆ ๆ...ชวนให้ไปช่วยเหลือคนอื่นอย่างนี้ jacky จะมีพลาดซะที่ไหน...
     ขับรถผ่านไปแถวรังสิตน้ำก็ยังท่วมอยู่...แต่เอ๊ะ...บอสก๊าบขับรถนำหน้า...ดันเลี้ยวรถกลับ...อืม...แล้วเขาจะไปไหนอ่ะ.....อ๋อ ๆ ๆ ...บอสบอกให้ขับรถตามบอสมา...งงตั้งนาน...อืม...แล้วก็ไม่บอกว่าจะไปบ้านนา.....
     ขับรถตามบอสไปเรื่อย ๆ ...ฮึ้ย ! นี่มันเที่ยงแล้วน่ะ...ทำไมไม่จอดรถกินข้าวกันเสียที...ท้องก็เริ่มร้องจร๊อก ๆ ...หิวจนไส้กิ่วแล้วน่ะครับนาย...
     OH ! My God มองเห็นข้างทาง...ไก่ต้มโค๊ก...แหม ๆ ๆ ...ช่างน่ารับทานเหลือเกิน...(เวรล่ะตูจอดรถไม่ได้...ก็บอสก๊าบเขาไม่จอดรถ...ผมก็เลยต้องขับรถตามไปเรื่อย ๆ) ...(แหม...เหมือนจะเลียเจ้านาย)
     ขับรถไปขับรถมา...ตอนแรกก็นึกว่าไปแค่บ้านนา...ที่ไหนได้ดันโผล่ไปอำเภอ...ภาชี...อืม...แล้วตูจะทำไงฟ่ะเนี่ย...
     ทำใจครับ...ไปไหนไปกัน...เพราะสุดท้าย...บอสกับพวกผมก็สามารถนำเรือและสิ่งของจำเป็นไปบริจาคให้กับชาวอำเภอภาชีได้.....
     สำเร็จเรียบร้อยกับการไปบริจาคสิ่งของให้กับผู้ประสบอุทกภัย.....
แต่...(ผมกลับมาท้องเสียครับ)...อืม...อันนี้ก็ช่วยระวังโรคท้องเสียหรือไม่ก็โรคบิดน่ะครับ...
     เผอิญหลังจากกลับมาเจ้านายสั่งให้ไปรีบเคลียร์พื้นที่ใน...site งาน seacon บางแคร์ครับ...เวรล่ะตูน้ำท่วม...(ทำไงดีง่ะ...)
     อ้อ ๆ ๆ...ลืมบอกไปพอดีบริษัทฯของผมไป BID งาน Renovate ของ seacon บางแคร์ ได้งานมาทำล่ะครับ...
     ได้ทั้งชั้นสี่และชั้น Basement ...แต่ชั้น Basement นี่แหล่ะครับ...โดนน้ำท่วม...
     ตูอีกแล้ว ! ...เจ้านายต้องการบานพับผีเสื้อบวกกับสายยูมาทำ store ใหม่...เวรล่ะ...เด๋ว Jacky จัดให้
     อ้าว ๆ ๆ...งั้นขอหนึ่งคนไปช่วยผมถอดบานพับหน่อยก็แล้วกัน...ถอดไปถอดมา...แหมช่างลำบากเหลือเกิน...ก็ตะปูเกลียวโดนน้ำท่วม...สนิมแดกครับ...
     โอ๊ย...ถอดยากมาก...แหม...นึกถึงไก่ต้มโค๊ก...(กำลังหิวพอดี)...อ่ะ ๆ ๆ ...เอาโค๊กไปราดลงบนตะปูเกลียวหน่อยก็แล้วกัน...(หรือไม่ก็โซดา)...ฮ่ะ ๆ  ๆ ๆ ...ถอดได้แล้ว.....
     ทำไงดีอ่ะ...เหล็กที่จะนำไปทำโครงสร้างก็เป็นสนิมหมดแล้ว...โดนเจ้านายสั่งมาให้ไปชุบเหล็ก...แหม ๆ ๆ ....ผมล่ะอยากจะสั่งโซดาสักลังนึง...(จุ๊ ๆ ๆ )...ไม่ได้เอาไปชุบเหล็กน่ะ...แต่ผมคง...อ้าว...กรึ๊บ...กะ..ระ...รึ๊บ...กรึ๊บ ๆ ...ไม่หมดไม่เลิก ๆ ๆ ๆ.....................
    




    

                                          

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชั้นไม้อย่างชั้น.....กำลังคิดถึงเธอ

BY : JACKY

     กำลังนอนอยู่...ก็เกิดได้ยินเสียง...ออด แอด ออด แอด...มันทำให้ผมคิดถึงสมัยที่ไปนอนอยู่บ้านของแม่ผม(เมื่อสมัยยังเด็ก ๆ อยู่.....)
     ก็ทำไมเสียอีกล่ะ...บ้านไม้เกือบทั้งหลัง ! ...ยิ่งช่วงหน้าหนาวอย่างนี้เสียด้วยแล้ว...ไม่ต้องคิดมากเลยคร้าบ...ไม้ขยายตัวน่ะครับ...มันก็เลยเบียดกัน   (นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนคงคิดว่าใครมาเดินอยู่ในบ้านแน่นอนล่ะครับ)
     สองสิ่งที่แตกต่างกันในช่วงหน้าหนาวนี้...ท่านผู้อ่านว่ามันคืออะไร ?...แต่ สำหรับผมว่า...ไม้ กับ เหล็ก ครับ...
     ถ้าจะเปรียบไปก็เหมือนดั่งธาตุทั้งสองที่มีโครงสร้างต่างกัน...แต่ถ้าถามว่ามันผสมกันได้ไหม...คงไม่ได้แน่นอน...เว้นเสียแต่ว่า...จะนำมันทั้งสองมาอยู่รวมกัน.....
     ขอเกริ่นเรื่องไม้ก่อนก็แล้วกัน...ชั้นไม้ ! ตามตู้ใส่ของ ของท่านผู้อ่าน...ในที่นี้...อาจมีทั้งไม้จริง...และ...ไม้อัดขึ้นโครง...ก็อาจจะเกิดการโก่งบ้าง แอ่นบ้าง ไปตามลักษณะของมัน...อืมมมมม.....
     ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตให้ดีเวลาท่านขยับปรับเปลี่ยนเลื่อนชั้นไม้ในตู้ใส่ของ ของท่าน...เอ๊ะ ! บางครั้ง...เราก็ปรับเลื่อนชั้นไม้ได้โดยสะดวก...แต่บางครั้งก็อาจจะติดขัดนิดหน่อย...ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูดี ๆ น่ะครับ...บางครั้ง...ถ้าหากช่างไม้วัดขนาดตัดชั้นไม้โดยที่มีขนาดเกือบพอดีกับช่องใส่ชั้นไม้
(ในที่นี้สมมติว่าสักประมาณ 1 mm.)...ถ้าเกิดไปเจอช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวขึ้นมา ชั้นไม้ของท่านอาจเกิดการขยายตัว...จนบางครั้งท่านอาจปรับเปลี่ยนชั้นไม้ได้ลำบากขึ้น...
     (แบบว่า...ผมอยากให้ท่านผู้อ่านคิดถึงบ้านไม้ในสมัยก่อน...ขนาดเป็นไม้สักปูกระดานเว้นร่องแบบมีใต้ถุนร้าน...เวลาช่วงหน้าหนาวท่านอาจได้ยินเสียง ออด...แอด...ออด...แอด...เลยก็ได้ครับ...จริง ๆ นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงคิดว่า !(...?...) แต่ถ้าเป็นสมัยนี้...แน่นอนครับ...ไม้...มันได้รับความชื้น...มันก็เลยขยายตัว.....แล้วที่ท่านได้ยินเสียง ออด...แอด...ออด...แอด...นั่นแหละครับ...ไม้มันเบียดตัวกัน.....
     แล้วเหล็กล่ะ ? ...สองสิ่งนี้แตกต่างกันแน่นอนครับ...ไม้โดนความเย็น ความชื้นแล้วขยายตัว...แต่เหล็กมันไม่ขยายตัวครับ...เหล็ก...โดนความร้อนเท่านั้น ! มันถึงจะขยายตัว (จริง ๆ ไม่ใช่ขยายตัว...ผมเรียกว่า หลอมละลายล่ะกันครับ...แต่ อุณหภูมิต้องสูงมากกกกกกกเลยน่ะครับ...ก็ประมาณ 1700 องศาเซลเซียสน่ะครับ...แล้วถ้าถามว่ามันเกี่ยวอะไรไหมในเรื่องราวที่เกี่ยวกับงาน Built in .....
     แน่นอนครับ...มีชั้นไม้ มันก็ต้องมีปุ่มรับชั้นไม้น่ะสิครับ...ในที่นี้คงไม่ต้องพูดถึงท่านผู้อ่านล่ะกันครับ...พูดถึงช่างไม้กันดีกว่า...บางครั้ง...เอ๊ะ...ช่างอาจใส่ปุ่มรับชั้นไม้ตัวผู้กับตัวเมียไม่ได้...เพราะอะไร ?.....
     ถ้าตามที่รู้กันทั่ว ๆ ไป ปุ่มตัวผู้กับตัวเมียมันถูกส่งมาขายคนละ LOT กันครับ...จริง ๆ ไม่ใช่...ร้านที่ขายอุปกรณ์ Fitting นั่นแหล่ะครับ...บางครั้ง...ขายปุ่มตัวผู้มากกว่าปุ่มตัวเมีย พอปุ่มตัวผู้หมด ก็เอาปุ่มตัวผู้ LOT ใหม่มาขายรวมกับปุ่มตัวเมียที่ถูกส่งมาคนละ LOT กัน...(นี่คงเป็นการแก้ปัญหาให้กับร้านขายอุปกรณ์ Fitting ได้เป็นอย่างดีเลยน่ะครับ)
     แน่นอนล่ะครับ...ถ้าปุ่มรับชั้นตัวผู้และตัวเมีย...มาจากคนละ Lot ของการผลิตกัน...น้อยตัวมากที่จะใส่กันได้พอดี...เพราะว่า...การผลิตแต่ละครั้งจะมีการตั้งค่ามีดกลึง...(การตั้งมุมของใบมีดกลึงจะทำใหม่ทุกครั้งหลังจากนำใบมีดกลึงมาลับใหม่...หรือเปลี่ยนใหม่).....ผมคงจะไม่โทษทางฝ่ายผลิตล่ะกันครับ...เพราะการผลิตแต่ละครั้ง Engineer จะมีการคำนวณค่าเผื่อพิกัด(ค่า Tolerance,Clearance,Fitting)
     ฉะนั้นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเวลาเราจะไปซื้อปุ่มรับชั้น...ไม่ว่าจะตัวผู้หรือตัวเมีย...ควรลองสวมดูก่อนว่ามันเข้ากันได้หรือไม่...ถึงเวลานั้น...เราจะได้ไม่ต้องไปโทษใครและก็ไม่ต้องเสียเวลาในการกลับไปเปลี่ยนใหม่อีกน่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ..... 
     หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะเห็นน่ะครับว่า...บางครั้งสิ่งเล็ก ๆ ที่เราคาดไม่ถึง...และ สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานั้นมันก็เป็นเพียงแค่...ปัญหาปลายนิ้วก้อยเท่านั้นเอง.....
     สุดท้ายนี้ชั้นไม้อย่างผมก็คงต้องขอลาไปก่อน...เพราะชั้นไม้อย่างผมกำลังต้องการที่จะมองหาปุ่มรับชั้นไม้จากใครสักคนเพียงแค่มารองรับหัวใจจากชั้นไม้อย่างผมไปเสียที.....เพราะผมสัญญาว่าหัวใจอย่างชั้นไม้แบบผม...จะไม่โก่ง จะไม่แอ่น...หรือขยายหัวใจไปให้ใครอีกเลย...แล้วปุ่มรับชั้นไม้อย่างเธอล่ะ...เมื่อไหร่จะมารองรับหัวใจจากชั้นไม้อย่างผมไปเสียที...ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...ชั้นไม้อย่างผมอยากบอกว่า.....
     ชั้น...คิดถึงเธออออออออ.......................

    
  

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ลองทาย...LONG TIME

BY : Jacky

      แหม ๆ ๆ เกือบลืมไปแล้วล่ะซิ...ก็จะอะไรซะอีก ! กฎของการคอมพลีเม้นท์ที่ค้างไว้เมื่อเดือนที่แล้วไงล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบ...
     เอ้า...งั้นมาดูกัน...สมมติตามรูปข้างล่างนี้...มีเอกภพสัมพัทธ์ B (เครื่องมือช่าง wallpaper) ซึ่งมีสมาชิก A (เครื่องมือช่าง wallpaper)...ถ้าในที่นี้ผมจะตั้งโจทย์ถามท่านผู้อ่าน...ลองตอบดูน่ะคร้าบบ...

     1. ถ้า A' ท่านผู้อ่านคิดว่าช่าง wallpaper จะไปทำอะไรคร้าบบบบ ?
          คำตอบ...อ๊ะ ๆ ๆ...ห้ามดูคำตอบก่อนน่ะคร้าบ...อืม..อืม..อืม...เอางี้แล้วกัน...(อยากจะบอกว่านิสัยพี่ไทยชอบดูเฉลยก่อน...อ้า...ถ้างั้นต้องใช้วิธีนี้...)
          copy code ตามนี้น่ะครับ  @=[100003279517947:0]   แล้วเอาไปใส่ในช่อง comment ของ Facebook  จากนั้นให้ลบเครื่องหมายเท่ากับออกแล้ว Enter เท่านี้ท่านผู้อ่านก็จะรู้คำตอบแล้วคร้บ...(อันนี้ป้องกันการดูเฉลยคำตอบก่อนน่ะครับ)
                                             
     2. ถ้า B ' อ๊ะ ๆ ๆ ท่านผู้อ่านว่าช่าง wallpaper จะไปทำอะไรกันล่ะคร้าบบบบบบ ?
          copy code เหมือนเดิมน่ะครับ...       @=[100003225796247:0]


                                      

     เห็นไหมล่ะครับเท่านี้ท่านผู้อ่านก็คงพอจะได้คำตอบแล้วน่ะครับ.....

     ทีนี้เรามาดูกันตามนิยามความรักของผมกันดีกว่า.....
     สมมติคุณรักใครสักคน...คุณต้องการอะไรจากคนรักของคุณล่ะ ? ...แต่สำหรับผมก็คงต้องการหัวใจจากเธอก่อนก็แล้วกัน...
     งั้นเรามาดูกฎของการคอมพลีเม้นท์ก่อนก็แล้วกันครับ...(ตามรูปข้างล่างนี้)


                                           


     ถ้าผมจะรักใครสักคนผมขอเป็นดั่ง A' ล่ะกันครับ...เพราะก่อนอื่นผมคงต้องการหัวใจจากเธอเหมือนดั่ง A ' ในรูปข้างบนนี้น่ะครับ...เมื่อผมคอมพลีเม้นท์ร่างกายของเธอ..ตัวของผมนั้นก็จะได้หัวใจมาจากเธอ...และเมื่อผมได้หัวใจมาจากเธอ...ผมก็จะยูเนี่ยนทั้งร่างกายและจิตใจของเธอมาเป็น...สุดที่รักของผมครับ.....(จริงหรือไม่จริงภาพข้างล่างนี้ผมก็ยูเนี่ยนให้ดูได้น่ะครับ)

                                     
                                            
     ร่ายคำเขียนมาซะเยอะ...จริง ๆ ...ยังไม่ถึงเวลาที่จะลงบทความ...แต่ผมก็ขอแถมให้อ่านกันดูเล่น ๆ ล่ะกันครับ...ได้ทั้งความรู้...ความสนุกสนาน...ที่สำคัญ...ผมนั้นคงอาจจะได้ความรักจากใครสักคน ?.....










วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เรื่องพื้น ๆ ที่ไม่ธรรมดา...หลังน้ำลด

By : Jacky

     อยากบอกว่ายังมีเรื่องพื้น ๆ ที่ดูเหมือนธรรมดา...แต่...มันไม่ธรรมดาน่ะ...จะบอกให้ !
จะให้ธรรมดาได้ไงล่ะครับก็ในเมื่อหลังจากน้ำลดลงแล้ว...พื้นไม้ของฉัน...โดนน้ำท่วมอ่ะคร้าบบบบ.....
     ขอเกริ่นนำเรื่องชนิดไม้พื้นก่อนก็แล้วกันครับ...เพราะว่ามันมีหลากหลายมากอย่างเลยครับ เช่น
ไม้พื้นลามิเนต ไม้พื้นจริงทำสีสำเร็จ ไม้ปาร์เก้ ไม้ Engineering Wood ฯลฯ.....
     ทีนี้เรามาดูก่อนก็แล้วกันล่ะคร้าบว่า...พื้นไม้ชนิดไหนบ้าง...ถ้าโดนน้ำท่วมแล้วต้องทำยังไง

                    ไม้พื้นลามิเนต.....รื้อ ! .....ทำใหม่.....
                    ไม้พื้นจริงทำสีสำเร็จ.....รื้อ ! .....ทำใหม่.....
                    ไม้พื้นปาร์เก้.....รื้อ ! .....ทำใหม่....
                    ไม้ Engineering wood.....รื้อ ! .....ทำใหม่.....

     สรุปแล้วรื้อ !.....ทำใหม่หมดคร้าบบบบผม.....ก็จะไม่ให้รื้อได้ไง ก็ในเมื่อโดนน้ำท่วม จนไม้พื้นโดนความชื้นเข้าไปซะขนาดนั้น...ทีนี้ถ้าท่านผู้อ่านสังเกตให้ดี ๆ ไม้พื้นนั้นก็จะมีทั้งโก่งตัวและแอ่นตัว...มันก็ขึ้นอยู่กับว่า...ไม้พื้นนั้นโดนความชื้นจากทางด้านบนพื้นไม้หรือว่าจากทางด้านใต้ล่างพื้นไม้.....
     เอาล่ะ...คราวนี้มาดูกันต่อ...เพราะว่าสำคัญมั่ก ๆ ๆ...เวลาท่านผู้อ่านต้องการรื้อพื้นไม้หรือเฟอร์นิเจอร์จะรู้ได้ไงว่าช่างชุดไหน ? ฝีมือ ! จริง ๆ ..... ก็คงต้องอาศัยให้ช่างเขารื้อถอนออกมาดูกันก่อน ต้องขอบอกก่อนน่ะครับว่า...สำหรับผมแล้วนั้น...ขอเรียกช่างรื้อถอนว่านายช่างใหญ่เลยล่ะกันครับ.....
     จะไม่ให้เรียกนายช่างใหญ่ได้อย่างไรล่ะครับ...ก็ในเมื่อผู้รื้อ...ต้องรู้วิธีการทำ...แล้วที่สำคัญ...ช่างรื้อที่มีฝีมือของจริง...ต้องรื้อแล้ว...ชิ้นงานเสียหายน้อยที่สุดคร้าบบบบ.....
     เหตุผลสำคัญเลยก็คือ...ช่างที่ไปทำการรื้อถอนไม่มีสิทธิ์บอกว่า...ช่างชุดที่ทำก่อนหน้านี้ทำไม่ได้เรื่อง...ช่างเขาทำมั่ว...ช่างทำไม่ได้ความ...เพราะช่างที่ไปทำการรื้อถอนนั้น...อืม...ต้องมี sense ของความเป็นช่างครับ...ไม่ใช่มารื้อถอนกันมั่ว ๆ ...การรื้อถอนของบริษัท ฯ อื่นผมไม่รู้...ที่รู้ ๆ ...บริษัท ฯ ของผมรื้อถอนแบบมีที่มาที่ไปน่ะครับ...เพราะบริษัท ฯ ผม ใช้ sense รื้อถอนน่ะคร้าบบบบ.....
     สมมติง่าย ๆ ไม้พื้นโก่งต้ว ทางบริษัท ฯ ผมก็คงต้องวิเคราะห์หาสาเหตุ หาต้นตอแห่งปัญหา แล้วก็ให้ทางเจ้าของบ้านแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำซึม รั่ว หรืออะไรประมาณนี้ก่อน ทางทีมช่างผมถึงจะลงมือปฏิบัติการได้น่ะคร้าบบบบ..
     สุดท้าย...ท่านผู้อ่านท่านใดต้องการที่จะรื้อถอนเฟอร์นิเจอร์หลังจากที่โดนน้ำท่วมมาแล้วล่ะก็.....
ติดต่อกลับมาหาเราได้น่ะคร้าบบบ...เพราะผมมั่นใจว่า...เราจะรื้อ ! ...โดยที่เฟอร์นิเจอร์ท่าน...เสียหายน้อยที่สุดคร้าบบบบ.....
   
     .....ไว้พบกันใหม่กับเรื่องราวอันลึกลับของไม้พื้นแต่ละชนิดอีกที.....ในอาทิตย์หน้าน่ะคร้าบบบบ.....

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แล้วใครบอกล่ะ...ว่าปลวกกินไม้

BY.....JACKY

     โอย...อูย...ซี๊ด...อ๊า...อวู๊...ไม่ไหวแล้วแปรงฟันไปมาอยู่ดี ๆ ก็เจ็บเหงือก แหม...งานนี้สงสัยต้องเปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันของคุณน้าโย่ง(จำอวดหน้าม่าน)ที่โฆษณาให้กับแปรงสีฟันยี่ห้อหนึ่งจะดีไหมเนี่ย
     อ่ะ อ่ะ อ่ะ จัดไปสักหนึ่งฉ่อย...ก่อนจะเริ่มเรื่องราวววววกัน

        
          เอิง...เอิง...เอยย...ฉะ...เอิง...เอ้ย...วันนี้จะพูดเรื่องไม้โครงกัน
     ไปซื้อกันทุกวันที่บางโพ...อ่ะ...ใช่ไหม
     โครงจะขาวสะอาดดีก็ต้องโครงพาราซี สะอาดดีกว่าใคร
     ท่อนโครงหรือก็นุ่มนักหนา...ไม่ว่าจะแบกด้วยบ่าขวาหรือว่าบ่าซ้าย
     ไม่โดนปลวกมอด...ทำลายมัน...เพราะว่าโครงพารานั้นได้รับมาตรฐานจากกรม...(อะไร?)

     จริง ๆ ไม้ได้จะมาเขียนเรื่องไม้โครงแต่พอดีระดับดีกรีมันพาไป...คุณผู้อ่านทุกท่านหวังว่าคงพอจะรู้ว่าทุกครั้งที่ขึ้นงานไม้...อันดับแรกเลยที่ขาดไม่ได้  คือ  ไม้โครง ตามมาด้วยการทาน้ำยากันปลวก...
     แต่ถ้าท่านสังเกตดี ๆ  ตามไม้โครงแต่ละมัดทั่วไป  ก็จะมีตราประทับมาว่า อัด อบ มาตรฐาน...ผมล่ะก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะครับ..ก็ทำไมล่ะในเมื่อถ้า อัด อบ มาแล้ว ทำไมต้องทาน้ำยากันปลวกอีก...อืมมม
     ถ้างั้นก็คงต้องทดข้อความข้างบนไว้ในใจก่อน(เหมือนคิดเลขในใจ)...แล้วมาดูข้อความที่ผมจะเขียนต่อจากนี้ไป..."ต๊าย  ตาย  ปลวกกินไม้ชั้นย่ะ"   "ทำไงดี...ปลวกกินไม้เฟอร์นิเจอร์ผมหมดแล้ว"

     จายเย็ง ๆ คัก อย่าเพิ่งตกใจ ปลวกไม่ได้กินไม้ของคุณครับ...แต่ปลวก ! มันกินน้ำในเนื้อไม้ต่างหากล่ะครับ...แล้วมันเป็นไง...ตามธรรมดาทุกคนจะเข้าใจกันว่าปลวกกินไม้ครับ...แต่ จริง ๆ แล้ว ปลวกไม่ได้กินไม้...มันกินน้ำในเนื้อไม้ครับ...ผมเคยโต้แย้งกันมาหลายคน บางคนบอกว่าปลวกกินไม้ แต่ผมก็ขอนั่งยัน ยืนยัน ทั้งฟันธง และ คอนเฟิร์มว่า ปลวก...กินน้ำในเนื้อไม้ครับ
     งั้นคงต้องอธิบายตาม common sense ล่ะกันครับ ถ้าจะให้อธิบายตาม sense engineer ก็คงต้องไปถามผู้ที่จบมาทางด้านวิศวกรรมไม้ล่ะกันครับ...
     สังเกตง่าย ๆ เริ่มจากมอดเลยล่ะกัน...ถ้าสังเกตให้ดีเวลามอดกัดกินเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเรา จะมีเศษขลุย ขี้ไม้ร่วงลงมาดั่งกับฝุ่นครับ...นั่นแหละเนื้อไม้ที่มอดมันไม่ได้กิน  แต่ที่มันกินคือน้ำในเนื้อไม้ครับ...
     หรือเอาง่าย ๆ อย่างกับจอมปลวกที่ขึ้นอยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่  ถ้าปลวกกินไม้จริง ทำไมต้นไม้ต้นนั้นถึงยังยืนต้นอยู่ได้...เพราะว่ามันไม่ได้กินเนื้อไม้ครับ แต่มันกินน้ำในเนื้อไม้...เมื่อมันกินน้ำในเนื้อไม้ต้นมันก็ยังพออยู่ได้(เพราะปลวกไม่สามารถกินน้ำในต้นไม้ให้หมดได้ภายในเวลาที่จำกัดมากนัก)...มันจึงเกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ระหว่างจอมปลวกกับต้นไม้ใหญ๋)...เท่านี้คงพอเข้าใจกันมั่งน่ะครับหรือหากสงสัยก็สอบถามได้จากผู้ที่จบจากวิศวกรรมไม้ได้น่ะครับ...
     อ่ะ อ่ะ อ่ะ ทีนี้ไอ้ที่ทดข้อความไว้ในใจเมื่อตะกี้นี้เอาออกมาได้แล้วล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ...
ในเมื่อถ้าตามหลักแล้วไม้โครงที่อบ แล้วก็อัดมา จนได้มาตรฐานแล้วนั้น...มันถูก อบ มา(ถ้าจำไม่ผิด ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 130 องศา)...นั่นก็หมายความว่า เราได้ทำการขจัดน้ำในเนื้อไม้มันออกไปหมดแล้ว
อืมมมมมมมม...แล้วปลวกมันจะกินอะไร ? ถ้าผมจะบอกว่า ไม้โครงที่อบ อัด มาแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องทาน้ำยากันปลวกล่ะ  จะเป็นไปได้ไหม ? (อย่างน้อยก็คงจะลดต้นทุนการผลิตไปได้พอสมควร)
    แต่ทีนี้...ผมไม่แน่ใจว่า...ในเมื่อมันถูกอบมาเป็นอย่างดีแล้ว...จะมีไหม ที่บางวัน ถ้ามันได้รับความชื้นแล้วความชื้นนั้นจะไปแฝงตัวอยู่ในไม้โครงจนเกิดเป็นน้ำที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อไม้ได้...จนทำให้ปลวกกัดกินไม้ได้อีก...ผมขอตอบเลยล่ะกันว่า...ปลวก ! ไม่กินน้ำเปล่าคร้าบบบบ...แต่มันกินน้ำเลี้ยงในเนื้อไม้...โดยเฉพาะต้นใหญ่ ๆ น่ะคร้าบบบบ.....จ้าวนายยยยยยยยยยยยย
     ท้ายสุด...ก็ร่ำพรรณามาจนยาวเหยียด.....แล้วก็ร่ายยยยคำเขียนมาจนยาวย้อย ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย...ฉ่อยไม้โครง...แต่ก็คงไม่คิดที่จะไปสู้กับสามเกลอของจำอวดหน้าม่านเขาหรอกครับ...เพราะผมขอเป็นเพียงแค่..."กำขวดหน้าบ้าน"...ก็พออออออ
     แต่ที่รู้ ๆ ค่ำคืนนี้ผมขอยอมเป็นไม้โครงที่ไม่ถูก อัด อบ มา เพียงเพื่อผมอยากต้องการแค่ว่า...ใครก็ได้ ช่วยมากัด กิน หัวใจของผมที.....



                                                                
 

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Best of Shopping Plaza Toilet 4 Dark Side of Tokyo Japan ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 4 ด้านค่อนข้างมืดของโตเกียว ญี่ปุ่น

Best of Shopping Plaza Toilet 4
Dark Side of Tokyo Japan
ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 4
ด้านค่อนข้างมืดของโตเกียว ญี่ปุ่น

By PhromAke

หลังจากชมห้องน้ำแบบคลาสสิคญี่ปุ่น สัมผัสวัฒนธรรมอันละเมียด(ดูตอนที่ 2 ) ก็เดินตามทางม้าลายข้ามถนนมาอีกด้านของเมือง(จริงๆควรจะมาต่อนานแล้วมัวแต่หนีน้ำท่วม)



ดูมีสีสันทันสมัย



นั่นไงเห็นป้ายทางเข้าห้องน้ำแล้ว



บรรยากาศช่างแตกต่างจากห้องน้ำฟากที่แล้วของเมืองอย่างลิบลับ ดูเหมือนด้านมืดอย่างไรชอบกล ชวนให้นึกถึงเรื่อง "โตเกียว ไม่มีขา" หนังสือของคุณนิ้วกลม ที่กล่าวไว้ทำนองว่า เด็กผู้ชายไทยยุคผมล้วนเติบโตขึ้นมากับคุณครูญี่ปุ่น เป็นคุณครูด้านไหนนั้นไปหาอ่านเอาเอง หรือดูบรรยากาศกล่องโปสเตอร์ไฟข้างหน้าก็คงพอจะนึกออก



เดินเข้ามาค่อยยังชั่ว นึกว่าจะเจอเรื่องวาบหวิว







กลายเป็นแนวห้องน้ำ J Pop ไป เห็นทางเข้าด้านหน้าเล่นเอาจินตนาการไปไกล



ตรอกที่เดินออกจากห้องน้ำ ก็มืดๆคล้ายๆย่านกลางคืนของโตเกียว (ไม่เคยไปหรอกเดาเอา)

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

UNION ความรักด้วย WALL PAPER

     อ่ะ อ่ะ อ่ะ ผมชักเริ่มสงสัยกับนิยามของ.....?.....(ไม่ใช่การ union แน่ ๆ) อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนเพราะยังไงเสียผมก็ต้องมาบอกเล่าเก้าสิบกับกฎของการ union อยู่ดี
     แต่ที่ผมงงอยู่นี่สิว่าผมเอามาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมกำลังจะเขียนอยู่ได้ไง...ถ้างั้นคงต้องปล่อยมันไปตามอารมณ์ก่อน เดี๋ยวค่อยย้อนกลับมาดูว่า สิ่งที่ผมสงสัยนั้น...มันคืออะไร?
     ที่ รู้ ๆ เรามาคุยเรื่องที่ค้างกันไว้ดีกว่า union ครับ...ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับ wall paper อ่ะ...นั่นน่ะสิ ๆ ...
     ตามปกติ wall paper จะมีขนาดหน้ากว้างตามมาตรฐานอยู่ประมาณ 50-55 cm. ซึ่งหากเราจะทำการติดตั้ง wall paper ตามผนังบ้านเราก็คงต้องทำการ ตัด ต่อ หลายครั้งหน่อย ซึ่งนั่นก็จะแสดงถึงฝีมือของช่างแต่ละคนว่ามีความสามารถแค่ไหน เนื่องจากในตอนนี้เราจะดูรอยต่อของ wall paper ว่า wall paper แต่ละแผ่นที่ต่อกันนั้นมีรอยต่อห่างกันมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
     ส่วนใหญ่ wall paper ก็จะมีรูป ลาย ลักษณะ ตามแบบฉบับพื้น ๆ ที่ เหล่าบรรดาผู้ผลิตอาศัยการประหยัดในการพิมพ์ลาย แบบ ให้เป็นแบบชนิดเดียวกันมาก ๆ หน่อย และลักษณะของ รูปลักษณ์ และ ลายของแผ่น wall paper ต่าง ๆ ก็จะไม่ค่อย create เท่าใดนัก.....
     แต่ถ้าเป็นผม...เอ่อ...ผมคงเลือกที่จะดีไซน์ลายแบบของ wall paper ตามแบบฉบับของผมเอง (ถึงแม้อาจจะเปลืองงบประมาณเพิ่มขึ้นจากการออกแบบเองก็ตาม) ดังเช่น รูปข้างล่าง 2 รูปนี้(สมมติน่ะครับว่ารูปสองรูปนี้คือ wall paper สองแผ่นที่ผมสามารถนำมาติดกับผนังบ้านผมได้พอดี
     นั่นล่ะครับก็จะไปเข้ากับกฎของการ union พอดี (ตามข้างล่างนี้)
  



บทนิยาม เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B สามารถเขียนแทนได้ด้วย สัญลักษณ์ A ∪ B



ตัวอย่างเช่น A ={1,2,3}

B= {3,4,5}

∴ A ∪ B = {1,2,3,4,5}

     ถ้าแปลง่าย ๆ ก็คือ การนำมารวมกันทั้งหมดครับ (คล้าย ๆ การบวกกัน)
  


เมื่อทำการใช้กฎการ union ท่านก็จะได้ ผนัง wall paper ออกมาใหม่ตามรูปข้างล่างนี้น่ะครับ
(หวังว่าคงจะเข้าใจกับกฎการ union เพราะว่าง่ายกว่าการ Intersection มาก ๆ)



     นี่แหล่ะครับ คราวนี้คุณก็จะสามารถประสานหัวใจระหว่างคุณกับแฟนของคุณไว้ในอ้อมมือของคุณทั้งสองได้แล้วล่ะครับ.....เพราะว่าคุณได้ใช้กฎของการ union ที่จะช่วยประคองความรักของคุณทั้งสองให้ยาวนานตามกาลเวลาดั่งกับ wall paper ข้างบนนี่ล่ะคร้าบบบบ.....(นี่แหละ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก)
    
     หากท่านผู้อ่านท่านใดที่กำลังเบื่อหน่ายกับภาพบรรยากาศของ wall paper ลายเดิม ๆ โดยเฉพาะหลังจากผ่านพ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วมไปแล้ว ท่านผู้อ่านที่คิดจะ renovate ก็ติดต่อเรามาได้น่ะครับ.....เพราะทางบริษัทฯเราจะจัดส่ง site engineer ไปประเมินงานก่อนที่ทางเราจะจัดส่งทีมงานช่างไปใช้กฎ union นั่นเอง.....แต่งานนี้ผมคงต้องขอตอบแทน คุณ site engineer ก่อนว่า อืมมมม.....คงต้อง.....รื้อ !!! แล้วทำใหม่ก๊าบป๋ม...

     แล้วนิยามที่ผมกำลังสงสัยอยู่นั้นก็เหมือนดั่ง wall paper สองแผ่นข้างบนนี้ที่ยังอยู่กันคนละม้วน เหมือนดั่งแผ่น wall paper ที่รอการ union เหมือนดั่งการรอคอยช่าง wall paper มาทากาวปะสานหัวใจทั้งสองให้ได้อยู่ด้วยกันอย่างแนบแน่น แล้วสุดท้ายก็รอคอยลูกกลิ้งที่จะมารีดความประทับใจลงไปบนแผ่น wall paper ทั้งสองนี้ให้เป็นหนึ่งเดียว บนผืนแผ่นผนังแห่งความรักนั่นเอง.....(นี่แหละ.....นิยามของความรักก็คือการจากนั่นเอง)
     แต่สำหรับผม.....ผมว่านิยามความรักของผมไม่ใช่การจาก...แต่...มันเป็นการคอมพลีเม้นท์ครับ
(ติดตามได้กับเรื่องราวของงานตกแต่งภายในที่จะมาประยุกต์กับการใช้กฎการคอมพลีเม้นท์ที่จะต่อจากเรื่องการยูเนี่ยนต่อไปได้น่ะครับ)

หมายเหตุ : ท่านผู้อ่านอาจเปลี่ยนจากการใช้ wall paper มาเป็น Ink jet ก็ได้น่ะครับ.....
BY : JACKY

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

KICK OFF WITH WALL PAPER

     พอดีพึ่งได้รับมอบหมายจาก บ.ก. อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดเพราะบริษัทฯไม่ได้จัดจำหน่ายขายหนังสือตามแผงร้านชั้นนำทั่วไปน่ะคร้าบบบบบ....ก็ (บ.ก.)บอส ก๊าบ! เขาให้เข้ามาช่วยทำหน้าที่นี้แทน(สงสัยงานคงจะเยอะ)...นั่งนึกมาหลายวันก็พอจะคิดได้ว่าผมจะ post เรื่องอะไร...มองผ่านมาแล้วก็มองผ่านไป ?...การทำงานตกแต่งภายในสำหรับทีมงานรับเหมาช่างแต่ละบริษัทฯ ก็คงพอจะมีเทคนิคที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคพื้น ๆ หรือ เทคนิคเฉพาะช่างแต่ละชุด นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของทีมช่างแต่ละชุด แต่สุดท้ายผลงานที่ออกมาก็อยู่ที่ความชำนาญของแต่ละทีมมากกว่า...เอ่อ...ผมว่า...เราลองมาดูการ apply ในการทำงานกับสิ่งที่เราได้ร่ำเรียนมาดีกว่า.................      พอดีเคยเห็นผู้รับเหมางาน wall paper (อยากบอกว่าฝีมือสุดยอดมาก...) สิ่งที่ผมกำลังยืนมองช่างในขณะทำงานอยู่ มันทำให้ผมคิดถึงหลักวิชาของคณิตศาสตร์ ในการแก้ไขงาน wall paper (ซึ่ง wall paper มีตำหนิอยู่)...นั่นคือ กฎของ set (คณิตศาสตร์ระดับชั้น ม. 4) ... A∩B จะได้ส่วนที่ Intersection กัน (∩ = Intersection)

     ในที่นี้ถ้าแปลออกมาจากคณิตศาสตร์ความหมายก็คือ มี wallpaper อยู่สองชิ้น ชิ้นแรกคือของเดิมที่เสียหายเป็นตำหนิอยู่ และกับอีกหนึ่งชิ้นที่จะนำมาทำการแก้ไข...โดยปกติช่างบางชุดอาจจะทำการวัดขนาดของ wall paper เดิมที่เสียหายอยู่แล้วทำการตัด wall paper ชิ้นใหม่ทากาวแล้วใช้ลูกกลิ้งรีดลงไปให้พอดีกับร่องรอยเดิมของ wall paper ที่ขาดอยู่...แต่ขอบอกเลยครับว่าความละเอียดจะต่างกันมากเพราะถ้าทำตามนั้นเรายังคงอาจจะเห็นรอยต่อของ wall paper ก็ได้ครับ ซึ่งต่างกับการใช้กฎของ A∩B
     วิธีการดังว่าก็คือให้ตัด wall paper ที่จะนำมาต่อเติมแก้ไขแล้วปะลงไปบนแผ่น wall paper ของเดิม โดยให้มีขนาดใหญ่กว่ารอยขาดของเดิมสักพอประมาณ แล้วใช้กาวทาสักนิดพอให้ปะยึดติดกับแผ่น wall paper ของเดิม...จากนั้นให้ใช้มีดคัตเตอร์ตัดให้เกิดรอยใหม่ เราก็จะได้แผ่น wall paper อันใหม่ที่มีขนาดพอดีกับรอยขาดของแผ่นเดิม(ซึ่งในที่นี้เราจะได้เศษ wall paper ของแผ่นเดิม ออกมาด้วย) จากนั้นทากาวลงบนแผ่น wall paper ที่ตัดออกมาได้ แล้วใช้ลูกกลิ้งรีดแผ่นลงไปบนรอยขาดก็จะได้แผ่น wall paper ที่กลับมาดูสวยงามอีกครั้งหนึ่งครับ
     สุดท้ายท่านผู้อ่านหากยังสงสัยกับกฎของการ Intersection กัน ก็ลองค้นคว้าหาอ่านเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมน่ะครับ...
     ..........แล้วเจอกันใหม่กับกฎของการ Union กันน่ะก๊าบบบบบบบบบบบบ..........


Reference By : เวนน์, จอห์น


.....นิยาม.....
   • อินเตอร์เซกชัน (Intersection)


บทนิยาม เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A ∩ B

                                               ตัวอย่างเช่น A ={1,2,3}

                                                                    B = {3,4,5}

                                                                ∴ A ∩ B = {3}




วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Best of Shopping Plaza Toilet 3 ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนไทยลอกเลียนสิงคโปร์มาหรือเปล่า

Best of Shopping Plaza Toilet 3 ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนพี่ไทยไปลอกเลียนสิงคโปร์หรือเปล่า

 หลังจากบทความ ห้องน้ำนานาชาติที่ห้าง Terminal 21 อโศก เผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ท้วงติงว่า ที่ประเทศสิงคโปร์ก็มีห้องน้ำนานาชาติเหมือนกันที่ห้าง Great world city shopping mall Singapore พี่ไทยไปลอกเลียนแบบเขาหรือเปล่า

เรื่องนี้ผมจึงต้องไปสืบค้น พบว่ามีจริงๆใช้ Concept ห้องน้ำทั่วโลกเหมือนกัน แต่ Concept การออกแบบและการตกแต่งไม่เหมือนกันครับ  นี่เป็นรูปห้องน้ำนานาชาติที่สิงคโปร์ที่พอสืบค้นมาได้ครับ









มีห้องน้ำญี่ปุ่นเหมือนกันด้วย แต่เท่าที่ดูเขาจะเน้นลวดลายผนัง ห้องน้ำชาติไหนเขาก็จะใช้ลายผนังของชาตินั้นๆ แต่ ห้าง Terminal 21 ของไทย ใช้ Concept การออกแบบแบบสร้างบรรยากาศครับ ไม่เน้นลาย ซึ่งผมว่าทำยากกว่า เพราะต้องคุมตั้งแต่ แสง สี ของประกอบต่างๆ ซึ่งรวมถึงก๊อกน้ำ ป้ายชื่อห้องน้ำ แต่ยังไงถ้าไปสิงคโปร์จะแวะไปถ่ายรูปและดูด้วยตัวเองอีกครั้งถึงจะวิจารณ์ถูกครับ

ขอบคุณครับสำหรับคุณ Raintree ผู้ให้เบาะแสมา

ภาพนี้เป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือห้องน้ำญี่ปุ่นใน Terminal21 ห้างไทย ตัดมาลงให้ดูเปรียบเทียบกันครับ ส่วนภาพบรรยากาศอื่นๆของห้องน้ำญี่ปุ่นในห้างไทย ให้ไปดู 

Best of Shopping Plaza Toilet 2 Tokyo Japan ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 2 โตเกียว ญี่ปุ่น



วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Best of Shopping Plaza Toilet 2 Tokyo Japan ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 2 โตเกียว ญี่ปุ่น

Best of Shopping Plaza Toilet 2 Tokyo Japan ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 2 โตเกียว ญี่ปุ่น

จริงๆแล้วห้องน้ำอิสตันบูล ยังมีอีกจุดหนึ่ง แต่เอาไว้ตอนปิดเรื่องเลยแล้วกัน ขอกระโดดลงบันไดเลื่อนไปชั้นโตเกียวก่อน 


เห็นประติมากรรมที่เสาก็รู้ทันทีว่าถึงแล้ว ไม่ต้องเดา 


แค่ป้ายห้องน้ำก็ได้กลิ่นญี่ปุ่นแล้ว 



เดินลัดเลาะเลี้ยวไปตามตรอกแคบๆ 



ถึงแล้ว! อย่างกับเข้าโรงอาบน้ำของชาวญี่ปุ่นที่เคยเห็นในหนัง


เห็นประตูห้องน้ำหญิงเปิดอยู่ เหลียวซ้ายแลขวา ไม่มีคนเลย ยื่นกล้องเข้าไปถ่ายรูปดีกว่า 

แชะ ได้แล้วรูปหนึ่ง ก่อนจะย่างเท้าไปถ่ายอีกรูป ว้าก!ผู้หญิงฝรั่งเดินออกมา หลบแทบไม่ทัน 



หลบกลับเข้ามาถ่ายรูปในห้องน้ำชาย 


เชิญปล่อยเบาท่ามกลางบรรยากาศต้นสน 


แน่นอน ที่นี่ โถชักโครกเป็นระบบอัตโนมัติหมด เช่นเดียวกับห้างแฟชั่นไอร์แลนด์เพราะเป็นทีมบริหารชุดเดียวกัน 


ออกจากห้องน้ำข้ามถนนไปย่านการค้าของโตเกียว ไปดูห้องน้ำอีกฟากของเมืองดีกว่า

Best of Shopping Plaza Toilet ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 1 Istanbul Zone Toilet ห้องน้ำโซนอิสตันบูล

Best of Shopping Plaza Toilet ที่สุดของห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ตอนที่ 1  Istanbul Zone Toilet ห้องน้ำโซนอิสตันบูล

วันนี้เป็น วันที่ 11/10/11 ถือเป็นวันที่ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไอร์แลนด์ แชมป์เก่าห้องน้ำห้างต้องส่งมอบเข็มขัดแชมป์ห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าให้แก่ ห้าง Terminal21 แชมป์คนใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

ห้างนี้นำ Concept ของ Market Street ที่รวบรวมบรรยากาศทั่วทุกมุมโลกมาไว้ใน ที่เดียว. ริมสถานีรถไฟฟ้าอโศก เมื่อเดินไปในแต่ละชั้น ประหนึ่งเราไปเดินในบรรยากาศของเมืองเด่นๆในโลก มีทั้งสไตล์แคริบเบียน โรม, ปารีส, โตเกียว, ลอนดอน, อิสตันบูล,ซานฟรานซิสโก และฮอลลีวู้ด

เรามาเริ่มจาก Istanbul ก่อนแล้วกัน (แฮ่ม ขออนุญาตลำเอียงเข้าข้างตัวเอง เพราะผมมีเอี่ยวในการสร้างโซนนี้ด้วย)




ประติมากรรมสไตล์ตุรกี เสาฝั่งลานจอดรถ



ใครมาเปิดร้านที่ชั้นนี้ จะได้รับกระโจมแถม แม้ไม่อยากได้ก็ต้องเอา เพราะเป็นconcept ของชั้น ในภาพเป็นบรรยากาศการเร่งจัดเรียงสินค้าเมื่อคืนก่อนห้างเปิด




ร้านรวงเล็กๆตามตรอกเหมือนเราไปอยู่ในอิสตัลบูล (ไม่เคยไปหรอกเดาเอา)



ในที่สุดก็เดินมาถึงทางเข้าห้องน้ำ



มีทั้งห้องน้ำชาย หญิง และผู้พิการ



ว้าว ประหนึ่งเข้าห้องน้ำในวังยุคกลาง (ไม่เคยไปอีกนั่นแหละ เดาเอาจากที่เคยดูในหนัง)





เห็นก๊อกน้ำสไตล์โบราณนี้อย่าได้เผลอเอามือไปหมุนเชียว เพราะมันอัตโนมัติ

แค่ห้องน้ำแรกก็สุดยอดแล้ว ยังมีอีกเพียบ อดใจรอตอนต่อไปครับ

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

PHUFA MUSEUM SHOP

PHUFA MUSEUM SHOP 


Aie 49 & Pheeradol Decor Project Portfolio


เฟอร์นิเจอร์และตกแต่งภายในร้านกาแฟ ของที่ระลึก นิทรรศการ 
  สยามพารากอนชั้น 4F


ร้านภูฟ้าผสมผสานตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ มีวัตถุประสงค์ ที่จะส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ การประดิษฐ์คิดค้น และการบูรณาการความรู้สาขาต่างๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศิลปวัฒนธรรม ดำเนินการในรูปแบบการจัดนิทรรศการและจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ซึ่งแสดงถึงฝีมือและประโยชน์ใช้สอย รวมทั้งเน้นการนำเสนอเรื่องราวของสิ่งของในร้านให้เห็นทั้งความงามและความหมายของสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและใช้ในวิถีชีวิตมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

Phufa Treasure Trove was initiated by Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn to create a new cultural space aiming to cultivate creativity, imagination, innovation, and integration of science, technology, and the arts. The shop offers exhibitions, products and souvenirs which tell stories of the aesthetic and utilitarian values, and meanings of objects invented and used from early times to present.






Phufa Treasure Trove

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ราคาค่าตัวงานตกแต่ง ผนังโถงทางเดิน,โถงลิฟท์ The cost of Corridor 's wall,Lift hall 's wall decoration

The Cost Game ค่าตัวเท่าไหร่


ราคาค่าตัวงานตกแต่ง ผนังโถงทางเดิน,โถงลิฟท์ 
The cost of Corridor 's wall,Lift hall 's wall decoration 







โต๊ะคอนโซล ขนาด 0.45x1.80x0.80 ม.  
Console Desk  19,900 ฿



กระจกเงากรอบทอง   Gold Framed Mirror  12,000 ฿



วอลเปเปอร์ลายพิเศษพร้อมกรอบคิ้ว  Wallpaper with Frame     8,000 ฿
เก้าอี้ Chair  @  7,000 ฿