BY.....JACKY
โอย...อูย...ซี๊ด...อ๊า...อวู๊...ไม่ไหวแล้วแปรงฟันไปมาอยู่ดี ๆ ก็เจ็บเหงือก แหม...งานนี้สงสัยต้องเปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันของคุณน้าโย่ง(จำอวดหน้าม่าน)ที่โฆษณาให้กับแปรงสีฟันยี่ห้อหนึ่งจะดีไหมเนี่ย
อ่ะ อ่ะ อ่ะ จัดไปสักหนึ่งฉ่อย...ก่อนจะเริ่มเรื่องราวววววกัน
เอิง...เอิง...เอยย...ฉะ...เอิง...เอ้ย...วันนี้จะพูดเรื่องไม้โครงกัน
ไปซื้อกันทุกวันที่บางโพ...อ่ะ...ใช่ไหม
โครงจะขาวสะอาดดีก็ต้องโครงพาราซี สะอาดดีกว่าใคร
ท่อนโครงหรือก็นุ่มนักหนา...ไม่ว่าจะแบกด้วยบ่าขวาหรือว่าบ่าซ้าย
ไม่โดนปลวกมอด...ทำลายมัน...เพราะว่าโครงพารานั้นได้รับมาตรฐานจากกรม...(อะไร?)
จริง ๆ ไม้ได้จะมาเขียนเรื่องไม้โครงแต่พอดีระดับดีกรีมันพาไป...คุณผู้อ่านทุกท่านหวังว่าคงพอจะรู้ว่าทุกครั้งที่ขึ้นงานไม้...อันดับแรกเลยที่ขาดไม่ได้ คือ ไม้โครง ตามมาด้วยการทาน้ำยากันปลวก...
แต่ถ้าท่านสังเกตดี ๆ ตามไม้โครงแต่ละมัดทั่วไป ก็จะมีตราประทับมาว่า อัด อบ มาตรฐาน...ผมล่ะก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะครับ..ก็ทำไมล่ะในเมื่อถ้า อัด อบ มาแล้ว ทำไมต้องทาน้ำยากันปลวกอีก...อืมมม
ถ้างั้นก็คงต้องทดข้อความข้างบนไว้ในใจก่อน(เหมือนคิดเลขในใจ)...แล้วมาดูข้อความที่ผมจะเขียนต่อจากนี้ไป..."ต๊าย ตาย ปลวกกินไม้ชั้นย่ะ" "ทำไงดี...ปลวกกินไม้เฟอร์นิเจอร์ผมหมดแล้ว"
จายเย็ง ๆ คัก อย่าเพิ่งตกใจ ปลวกไม่ได้กินไม้ของคุณครับ...แต่ปลวก ! มันกินน้ำในเนื้อไม้ต่างหากล่ะครับ...แล้วมันเป็นไง...ตามธรรมดาทุกคนจะเข้าใจกันว่าปลวกกินไม้ครับ...แต่ จริง ๆ แล้ว ปลวกไม่ได้กินไม้...มันกินน้ำในเนื้อไม้ครับ...ผมเคยโต้แย้งกันมาหลายคน บางคนบอกว่าปลวกกินไม้ แต่ผมก็ขอนั่งยัน ยืนยัน ทั้งฟันธง และ คอนเฟิร์มว่า ปลวก...กินน้ำในเนื้อไม้ครับ
งั้นคงต้องอธิบายตาม common sense ล่ะกันครับ ถ้าจะให้อธิบายตาม sense engineer ก็คงต้องไปถามผู้ที่จบมาทางด้านวิศวกรรมไม้ล่ะกันครับ...
สังเกตง่าย ๆ เริ่มจากมอดเลยล่ะกัน...ถ้าสังเกตให้ดีเวลามอดกัดกินเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเรา จะมีเศษขลุย ขี้ไม้ร่วงลงมาดั่งกับฝุ่นครับ...นั่นแหละเนื้อไม้ที่มอดมันไม่ได้กิน แต่ที่มันกินคือน้ำในเนื้อไม้ครับ...
หรือเอาง่าย ๆ อย่างกับจอมปลวกที่ขึ้นอยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่ ถ้าปลวกกินไม้จริง ทำไมต้นไม้ต้นนั้นถึงยังยืนต้นอยู่ได้...เพราะว่ามันไม่ได้กินเนื้อไม้ครับ แต่มันกินน้ำในเนื้อไม้...เมื่อมันกินน้ำในเนื้อไม้ต้นมันก็ยังพออยู่ได้(เพราะปลวกไม่สามารถกินน้ำในต้นไม้ให้หมดได้ภายในเวลาที่จำกัดมากนัก)...มันจึงเกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ระหว่างจอมปลวกกับต้นไม้ใหญ๋)...เท่านี้คงพอเข้าใจกันมั่งน่ะครับหรือหากสงสัยก็สอบถามได้จากผู้ที่จบจากวิศวกรรมไม้ได้น่ะครับ...
อ่ะ อ่ะ อ่ะ ทีนี้ไอ้ที่ทดข้อความไว้ในใจเมื่อตะกี้นี้เอาออกมาได้แล้วล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ...
ในเมื่อถ้าตามหลักแล้วไม้โครงที่อบ แล้วก็อัดมา จนได้มาตรฐานแล้วนั้น...มันถูก อบ มา(ถ้าจำไม่ผิด ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 130 องศา)...นั่นก็หมายความว่า เราได้ทำการขจัดน้ำในเนื้อไม้มันออกไปหมดแล้ว
อืมมมมมมมม...แล้วปลวกมันจะกินอะไร ? ถ้าผมจะบอกว่า ไม้โครงที่อบ อัด มาแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องทาน้ำยากันปลวกล่ะ จะเป็นไปได้ไหม ? (อย่างน้อยก็คงจะลดต้นทุนการผลิตไปได้พอสมควร)
แต่ทีนี้...ผมไม่แน่ใจว่า...ในเมื่อมันถูกอบมาเป็นอย่างดีแล้ว...จะมีไหม ที่บางวัน ถ้ามันได้รับความชื้นแล้วความชื้นนั้นจะไปแฝงตัวอยู่ในไม้โครงจนเกิดเป็นน้ำที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อไม้ได้...จนทำให้ปลวกกัดกินไม้ได้อีก...ผมขอตอบเลยล่ะกันว่า...ปลวก ! ไม่กินน้ำเปล่าคร้าบบบบ...แต่มันกินน้ำเลี้ยงในเนื้อไม้...โดยเฉพาะต้นใหญ่ ๆ น่ะคร้าบบบบ.....จ้าวนายยยยยยยยยยยยย
ท้ายสุด...ก็ร่ำพรรณามาจนยาวเหยียด.....แล้วก็ร่ายยยยคำเขียนมาจนยาวย้อย ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย...ฉ่อยไม้โครง...แต่ก็คงไม่คิดที่จะไปสู้กับสามเกลอของจำอวดหน้าม่านเขาหรอกครับ...เพราะผมขอเป็นเพียงแค่..."กำขวดหน้าบ้าน"...ก็พออออออ
แต่ที่รู้ ๆ ค่ำคืนนี้ผมขอยอมเป็นไม้โครงที่ไม่ถูก อัด อบ มา เพียงเพื่อผมอยากต้องการแค่ว่า...ใครก็ได้ ช่วยมากัด กิน หัวใจของผมที.....